วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

คุณคิดเห็นอย่างไร กับการกระทำของ นปก.

นปก.ขู่ยึดสภาเลียนแบบพธม. หากมีรบ.ใหม่
โดย INN News



วัน อาทิตย์ ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551 09:31 น.แกนนำนปก.สมยศ พฤกษาเกษมสุข ยันมีมวลชนจากเหนือ-อีสาน อยู่ระหว่างเดินสมทบให้กำลังใจรัฐบาลวันนี้ ราวห้าพันคน ขู่เลียนแบบพันธมิตรฯหากมีรัฐบาลใหม่

Photobucket
นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข


นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก.ที่มาชุมนุมที่หน้ารัฐสภากล่าวว่าวันนี้คาดว่า จะมีประชาชนมาร่วมชุมนุมด้วยประมาณ 5,000 คน จากทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหากรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายและอยากเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอย่าลาออก เพราะจะทำให้อำนาจอนาธิปไตยเป็นใหญ่ นอกจากนี้หากมีรัฐบาลใหม่กลุ่ม นปก.จะไปยึดทำเนียบรัฐบาลบ้าง ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่ม ส.ว.นำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล ไปให้กำลังใจกลุ่มพันธมิตรเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ และยังเป็นการยืนยันให้ประชาชนรับรู้ว่ากลุ่มคนดังกล่าวสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม นายสมยศ ได้ย้ำว่ากลุ่ม นปก.จะไม่ชุมนุมใกล้กับพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรอย่างเด็ดขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกัน และในวันนี้เมื่อบรรลุเป้าหมายการชุมนุมแล้วจะไปปักหลักชุมนุมต่อที่ท้องสนามหลวง


ล่าสุดสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ หรือ นปก.ที่ท้องสนามหลวงขณะนี้ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีมารวมตัวกันบริเวณรอบ ๆ เวทีประมาณเกือบ 100 คน เพื่อจะเดินทางไปสมทบกับกลุ่ม นปก.เดิมที่ได้ไปเตรียมให้กำลังใจรัฐบาลที่รัฐสภาโดยมีการใส่เสื้อสีแดงหรือผูกผ้าสีแดงเพื่อแสดงตนทั้งยังมีการเชิญชวนให้ประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณรอบพื้นที่สนามหลวงร่วมเดินทางไปให้กำลังใจด้วย ซึ่งทั้งหมดจะเดินทางไปโดยการอาศัยรถยนต์ส่วนตัว


http://news.sanook.com/politic/politic_301078.php

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551

จำลอง นั่งกลางม็อบรอตร.จับ ท้าทาย หรือ บริสุทธิ์ใจ???

ศาลอนุมัติหมายจับ9พธม.แล้ว จำลอง นั่งกลางม็อบรอตร.จับ

โดย คม ชัด ลึก
วัน พุธ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2551 16:22 น.

Photobucket

ศาลอนุมัติหมายจับ9พธม.แล้ว จำลอง นั่งกลางม็อบรอตร.จับศาลอนุมัติหมายจับ 9 แกนนำพันธมิตรฯแล้วข้อหากบฏ สมศักดิ์ ลั่น มติ 5 แกนนำไม่หนี ไม่มอบตัว ท้าฝ่าม็อบมาจับ ด้าน จำลอง นั่งกลางม็อบรอตำรวจมาจับ ย้ำไม่ยื่นขอประกันตัว ทนายพธม.เตรียมยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวนักรบศรีวิชัย โกวิทแถลงวอนพธม.ออกจากทำเนียบฯ
(27ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.00 น. พนักงานสอบสวนนำคำร้องขออนุมัติออกหมายจับ 5 แกนนำ ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และผู้ประสานงานพันธมิตรฯ นายสุริยะใส กตะศิลา ซึ่งถูกกล่าวว่ากระทำผิดกฎหมายเรื่องความมั่นคงของรัฐ โดยศาลรับคำร้องไต่สวน
ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น.ศาลได้มีคำสั่งอนุมัติให้ออกหมายจับแกนนำพันธมิตรฯ จำนวน 9 คน ประกอบด้วย 1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล 2.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 3.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 4.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 5.นายพิภพ ธงชัย 6.นายสุริยะใส กตะศิลา 7.นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 8.นายอมร อมรวัฒนานนท์ และ 9.นายเทิดภูมิ ใจดี ใน 4 ข้อหาตามที่พนักงานสอบสวนยื่นขอ ได้แก่ กบฏ ตระเตรียมการเป็นกบฏ ซ่องสุม และก่อความวุ่นวาย


สำหรับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรเมื่อเวลา 10.15 น. เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นบริเวณหลังตึกไทยคู่ฟ้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำข้าวกล่อง มาส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ที่รักษาความปลอดภัย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำให้ผู้ชุมนุมกว่า 50 คน นำโดยนายวีระ สมความคิด เข้าไปตะโกนเรียกกลุ่มบุคคลสวมเสื้อเหลือง ให้ลงจากตึกไทยคู่ฟ้ามาแสดงตัว เพราะเกรงจะเป็นบุคคลภายนอกเข้ามาสร้างสถานการณ์ เนื่องจากไม่ได้แต่งชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น


ทั้งนี้กลุ่มพันธมิตรฯพยายามบุกขึ้นไปบนบันไดด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อกดดันให้บุคคลที่อยู่ในตึกออกมาแสดงตัว ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เปิดหน้าต่างบริเวณชั้น 1 ตึกไทยคู่ฟ้า ออกมาเจรจา โดยยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล 3 พร้อมแสดงบัตรประจำตัว และชี้แจงว่า บุคคลทั้งหมดที่อยู่ในตึกไทยคู่ฟ้า เป็นเจ้าหน้าที่ดูความปลอดภัยในตึกไทยคู่ฟ้า แต่พันธมิตรฯยังไม่ไว้วางใจ จึงปักหลักเฝ้าอยู่ที่หลังตึกไทยคู่ฟ้า กระทั่งนายวีระและการ์ดพันธมิตรฯบางส่วนที่ขึ้นไปตรวจสอบบนตึก ได้ลงมาทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมให้สลายไป แต่ให้การ์ดพันธมิตรบางส่วนดูแลความปลอดภัยด้านหลังตึกไทยคู่ฟ้าอยู่ โดยการ์ดพันธมิตร ระบุว่า จะไม่ให้ส่งข้าว ส่งน้ำ เข้าให้ตำรวจบนตึกไทยคู่ฟ้าอีก เพื่อต้องการให้คนทั้งหมดออกมาจากตึกไทยคู่ฟ้า


ขณะนางสาวอัญชลี ไพรีรักษ์ ผู้ดำเนินรายการประกาศว่า พันธมิตรจะติดตามความเคลื่อนไหวของบุคคลในตึกไทยคู่ฟ้า โดยอนุญาตให้มีการส่งข่าวส่งน้ำได้ เพราะถือว่า เป็นเจ้าหน้าที่ที่รักษาความปลอดภัยในตึก แต่ไม่อนุญาตให้บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้าอีก เพราะเกรงว่าจะเป็นอันตรายหรือว่ามีมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาไล่เลี่ยกันมีนายสุรเชษฐ สมตัว ชาวนครพนม ได้นั่งพิงประตูหลังตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นการ์ดพันธมิตรฯ นำตัวนายสุรเชษฐไปบริเวณหน้าเวทีปราศรัย พร้อมทั้งตรวจค้นทั่วตัวเนื่องจากสงสัยว่าเป็นสายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนนำตัวออกไปที่บริเวณเชิงสะพานเทวกรรม


ทั้งนี้นายสุรเชษฐชี้แจงว่า ไม่ใช่สายตำรวจ แต่เป็นพันธมิตรฯอุบลราชธานี ที่คอยประสานงานเรื่องเทคนิคเวที แต่ไปนั่งพักบริเวณตึกไทยคู่ฟ้า จึงถูกคุมตัวมา ดังนั้นเมื่อการ์ดพันธมิตรฯได้โทรศัพท์ตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มพันธมิตรฯอุบลราชธานีจริง จึงปล่อยตัวไป


ขณะเดียวกันการ์ดพันธมิตรยังได้คุมตัวผู้ชุมนุมที่เป็นชายสูงอายุคนหนึ่ง มาตรวจค้นสิ่งต้องสงสัย เนื่องจากชายดังกล่าวเดินเล่นบนตึกบัญชาการ แต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัย จึงปล่อยตัวไป โดยสร้างความไม่พอใจให้ชายดังกล่าวอย่างมาก


นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์กรณีจะมีการออกหมายจับ 5 แกนนำ ว่า จุดยืนคือยินดีให้จับ ไม่หนีและไม่ไปมอบตัว เราถือว่าทำหน้าที่พลเมืองในการปกป้องอธิปไตย พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ และต้านคนโกงชาติ โดยเป็นไปตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ


“มติ 5 แกนนำคือหากตำรวจอยากจับก็ให้มาจับ แกนนำจะอยู่ทำเนียบรัฐบาลตลอด เราจะไม่ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบัง แต่ถ้าประชาชนต้องการปกป้องผู้นำก็เป็นสิทธิของเขาที่ปกป้องคนที่ทำความดี งานนี้ถ้าต้องเสียเลือดเสียเนื้อจากการจับกุมแกนนำตำรวจต้องรับผิดชอบ เพราะประชาชนไม่มีอาวุธ” นายสมศักดิ์ กล่าวและว่า ส่วนที่มีการกำหนดเวลาว่าจะอยู่ทำเนียบรัฐบาล 3 วัน เป็นเพียงการปราศรัยเท่านั้น เรายืนยันว่าจะอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลจนกว่าจะไล่รัฐบาลได้สำเร็จ


ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ขึ้นเวทีที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ แจ้งยอดบริจาคเงินจากประชาชนทั่วประเทศ ผ่านทาง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ตู้ปณ.100 เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายและเป็นค่าจ้างพนักงานเอเอสพีวี ว่า หลังเปิดรับบริจาค 6 วัน ยอดเงินบริจาค 6,600,000บาท นอกจากนี้ยังมีทองคำหนัก 80 บาทคิดเป็นมูลค่าล้านบาทเศษ ตนได้ลงนามในหนังสือมอบอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมหากวันนี้ พรุ่งนี้จะไม่ได้อยู่ โดยมั่นใจว่าศาลจะออกหมายจับแกนนำแน่นอน และตำรวจจะนำกำลังเข้าจับกุมไม่เกินบ่ายโมงของวันนี้


ซึ่งแกนนำทั้งหมดได้หารือแล้ว ว่าจะรอให้มาจับกุมจะไม่เดินทางไปศาลและไม่ยื่นขอประกันตัว ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ประกาศตั้งตัวแทนรุ่น 2 จำนวน 3 คนเพื่อทำหน้าที่แทนเรียบร้อยแล้ว แต่หากแกนนำรุ่น 2 ถูกจับก็จะให้พันธมิตรขึ้นเป็นแกนนำทุกคน เพราะตำรวจคงไม่มีทางจับกุมได้หมด


นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ยังกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า อย่าได้ตกใจ หากตนถูกจับ เพราะเคยถูกจับมาแล้ว เมื่อครั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 35 ซึ่งก็ไม่ได้เสียชีวิตแต่อย่างใด

Photobucket

ศาลอนุมัติหมายจับ9พธม.แล้ว จำลอง นั่งกลางม็อบรอตร.จับ



“จำลอง”นั่งกลางม็อบรอตำรวจมาจับ
หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการออกหมายจับ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.จำลอง ได้เดินลงจากเวทีแล้วมานั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ที่ พล.ต.จำลองถูกจับขณะที่อยู่รายล้อมด้วยมวลชน ทั้งนี้สอดคล้องกับที่พล.ต.จำลอง ได้ให้สัมภาษณ์ว่ายินดีจะให้ตำรวจมาจับโดยไม่หนีไปไหน

ทนายพธม.เตรียมยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวนักรบศรีวิชัย
นายนิติธร ล้ำเหลือ กรรมการสิทธิมนุษยชน สภาทนายความ เปิดเผยว่า วันนี้ (27 ส.ค.) ทีมทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมรวบรวมเอกสาร ข้อเท็จจริง เหตุผล และสอบปากคำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ถูกฝากขังเรือนจำคลองเปรม ก่อนจะขอยื่นประกันตัวกับศาลอุทธรณ์ ภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้พิจารณาไม่อนุญาตให้มีการประกันตัว โดยตนคาดว่าจะสามารถยื่นประกันได้ไม่เกินช่วงบ่ายพรุ่งนี้
ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ จะเตรียมหลักทรัพย์ค้ำประกันผู้ต้องหา รายละ 200,000 บาท หากศาลอุทธรณ์ยังคงยืนกรานตามคำสั่งศาลชั้นต้น การยื่นประกันตัวคงจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ แต่ขอให้ศาลพิจารณาเหตุแห่งพฤติการณ์การหลบหนีคดี กับเหตุแห่งการก่ออันตราย ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ จะไม่หลบหนีคดีและไม่ใช้ความรุนแรง
นายนิติธร กล่าวอีกว่า ในเรื่องการพกพาอาวุธเข้าไปในสถานีโทรทัศน์ NBT ของกลุ่มนักรบศรีวิชัยนั้น ตนมองว่า อาจเป็นเพราะการตรวจสอบที่ไม่เข้มงวด เพราะกลุ่มนักรบศรีวิชัยเป็นการรวมกลุ่มจากหลายฝ่ายที่เสียสละเพื่อส่วนรวม


สำนักเลขานายกฯฟ้องศาลแพ่งสั่งพธม.รื้อถอนเวทีทำเนียบฯ
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.30 น. นายเมธี ใจสมุทร ทนายความ รับมอบหมายจากสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยนายลอยเลื่อน บุนนาค รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมายื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง , นายสนธิ ลิ้มทองกุล , นายสมศักดิ์ โกศัยสุข , นายพิภพ ธงไชย , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ


เป็นจำเลย เรื่องละเมิด ขับไล่ กรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ และผู้ร่วมชุมนุม เข้าบุกยึดทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นสถานที่ราชการ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยการยื่นฟ้อง โจทก์ ขอคำร้องให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยทั้งหก กับพวกออกจากทำเนียบรัฐบาล รื้อถอนเวทีปราศรัย รวมทั้งย้ายสิ่งกีดขวางอื่นๆ ทั้งหมดในทำเนียบรัฐบาล และให้จำเลยทั้งหก กับพวก เปิดพื้นที่จราจร ถ.พิษณุโลก ถ.ราชดำเนิน ทุกช่องจราจรเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสัญจร และให้โจทก์ ครม. สามารถเข้าออกเพื่อปฏิบัติหน้าที่บริหารราชแผ่นในทำเนียบรัฐบาลได้


นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน และรองโฆษกพรรคฯ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับนายเมธี กล่าวว่า หากศาลมีคำสั่งไต่สวนวันนี้ ตนพร้อมด้วย นายลอยเลื่อน รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก สตช. พร้อมเข้าให้การ

"โกวิท"แถลงวอนพธม.ออกจากทำเนียบฯ
เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้แถลงข่าวขอให้กลุ่มพันธมิตรถอนตัวออกจากทำเนียบรัฐบาลเนื่องจากจะมีพิธีสำคัญ


http://news.sanook.com/politic/politic_300299.php

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะหยุดยิง จริงหรือ ??





หนึ่งสัปดาห์หลังคำแถลงหยุดยิง กับข้อสังเกตจาก นิมุ มะกาเจ



Photobucket




“ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” เป็นคำพูดของ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (อดีต ผบ.ทบ.) และหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ที่ออกมาแอ่นอกแสดงสปิริตล่วงหน้า หลังถูกตั้งคำถามถึงความไม่ชอบมาพากลกรณีนำบุคคลที่ถูกระบุว่าเป็น "กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย" อ่านแถลงการณ์หยุดยิงและยุติการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกอากาศผ่านโทรทัศน์ทุกช่องเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาตลอด 7 วันนับตั้งแต่วันพุธที่แล้วจนถึงพุธนี้ ในสามจังหวัดยังมีเหตุร้ายเกิดขึ้นทุกวัน แม้ช่วงแรกจะเบาบางเพียงวันละ 1-2 เหตุการณ์ แต่ยิ่งนานวันเหตุการณ์ยิ่งรุนแรงและถี่ยิ่งขึ้น ที่สำคัญคงอ้างไม่ได้ว่า เหตุการณ์ประเภทลวงตำรวจไปกดระเบิดบาดเจ็บถึง 10 นาย หรือโจมตีชุด รปภ.ครู จนมีทหารเสียชีวิต ที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันมานี้ เป็นการก่อเหตุในลักษณะ "ควันหลง" หลังการเจรจาสันติภาพ เพราะขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เองหลายหน่วยก็ออกมายอมรับตรงกันแล้วว่า เป็นการก่อเหตุของกลุ่มแนวร่วมที่ต้องการตอบโต้คำแถลงหยุดยิง! คำถามก็คือ พล.อ.เชษฐา จะรับผิดชอบอย่างไร? ระหว่างที่สังคมยังรอคำตอบจากหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ผู้คนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังมีคำถามคาใจเกี่ยวกับกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย นิมุ มะกาเจ มองเรื่องนี้ด้วยสายตาของผู้ทรงคุณวุฒิประจำจังหวัดยะลา และอดีตรองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด พร้อมตั้งข้อสังเกตเอาไว้อย่างน่าสนใจ "ชื่อกลุ่มเป็นชื่อใหม่ คือกลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ของประเทศไทย มีเครื่องหมายคือ สีในธง รูปลักษณ์ สัญลักษณ์ รวมทั้งผู้ที่ออกมาประกาศ และผู้แปล มิได้ระบุชื่อ ตำแหน่ง เป็นบุคคลที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ขอวิจารณ์ว่า
1.ผู้ประกาศ คือนายลุกมัน บินลิมา หรือ นายมะรีเป็ง คาน น้องชายหรือพี่ชายของ นายซำซุดิง คาน (รองเลขาธิการกลุ่มพูโลเก่า) ใช่หรือไม่
2.ทั้งสามชื่อนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกันหรือไม่
3.หรือจะเป็น หะยีอิสมะแอ มะรือโบ หัวหน้ากลุ่มติดอาวุธขบวนการพูโล ที่เคยเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ระหว่างปี 2528-2530
4.บุคคลที่ปรากฏทั้ง 3 คนมีการเสริมแต่งหน้าตาหรือไม่
5.เป็นคนไทยมุสลิมเชื้อสายปาทานหรือไม่"

นอกจากข้อวิจารณ์ในเชิงตั้งคำถามแล้ว นิมุ ยังวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละมุม โดยแยกเป็นประเด็นๆ ดังนี้
1.ประกาศนี้ (หยุดยิง) มีอำนาจเพียงพอหรือไม่ และเป็นที่ยอมรับของขบวนการอีกหลายๆ กลุ่มมากน้อยเพียงใด
2.ระยะเวลา 1 เดือนเพื่อเป็นการพิสูจน์ (ตามคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.เชษฐา)เพียงพอหรือไม่
3.ผู้แปลมีสำเนียงที่คล้ายกับชาวบ้านในพื้นที่ของจังหวัดสงขลาเพียงใด
4.ผู้ที่เป็นคนแปลนั้น คือ อุสตาซอาซิส เป็นหนึ่งใน 130 คนไทยที่อพยพออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ข้ามฝั่งไปยังประเทศมาเลเซียเมื่อราว เดือนกันยายน 2548 ที่เป็นข่าวครึกโครมในช่วงนั้นใช่หรือไม่ หรือชื่อ นายสะแปอิง กูนิเนาะสตา

ข้อพิจารณาต่อมาก็คือหากว่าคำแถลงดังกล่าวเป็นความจริง และคำประกาศหยุดยิงเกิดได้ผล ต่อไปควรจะทำอย่างไร ซึ่ง นิมุ อธิบายเป็นข้อๆ ดังนี้
1.รัฐบาลจะรับไปดำเนินการต่อเนื่องหรือไม่ ให้ใครรับไปดำเนินการระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ ผบ.ทบ.หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
2.การเจรจาที่อาจจะต้องมีในอนาคตต้องทำเพื่อประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้มากน้อยเพียงใด และคนในพื้นที่จะมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ เพียงใด
3.ภาพลักษณ์ของกลุ่มคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้นำประเภทต่างๆในพื้นที่ขาดเอกภาพในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ดังนั้นเพื่อเป็นการทำให้เกิดเอกภาพอันจะเป็นความต่อเนื่องในข้อตกลงด้านต่างๆ (ที่อาจมีขึ้น) ให้เป็นไปด้วยดีในอนาคต จะให้ฝ่ายใดบริหารจัดการ ทำอย่างไร
4.เหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในอดีต มีกลุ่มขบวนการที่ประกาศเป้าหมายที่ชัดเจน ต่อมามีขบวนการเพิ่มมากขึ้น บางกลุ่มแยกเพิ่มและขัดแย้งกันเอง ระยะหลังจนถึงปัจจุบันมีหลายกลุ่ม และมีกลุ่มแทรกซ้อนจากผู้หวังประโยชน์จากคนหลายฝ่ายหลายระดับ เล่าลือทั้งความเป็นจริงและ ความเป็นเท็จ พฤติกรรมรุนแรงโหดร้ายมาก จนมีการประณามบ้าง สาปแช่งบ้าง ผู้ประกาศจะรับส่วนนี้ได้เพียงใด ขบวนการอีกหลายกลุ่มนั้นจะร่วมมือด้วยหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
5.ผู้ที่เสียประโยชน์จากประกาศนี้มีหรือไม่ มีโอกาสเป็นมือที่สามในการสร้างสถานการณ์ต่อเนื่องหรือไม่ ฝ่ายใดจะป้องกัน และแก้ไข
นิมุ ในฐานะผู้นำศาสนาที่ได้รับการยอมรับอย่างสูง ยังเสนอแนวทางรับมือกับสถานการณ์ในพื้นที่เอาไว้ว่า
1.ชาวบ้านต้องมีพลังชุมชนเข้มแข็ง มีความเป็นเอกภาพในการบริหารจัดการทุกกิจกรรมในพื้นที่
2.รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการตามโครงการต่างๆ ที่มุ่งหมายให้ชาวบ้านชนบทได้พัฒนาความรู้ ความสามารถ ช่วยเหลือตนเอง ครอบครัว และสังคมได้ โครงการต้องต่อเนื่องไม่ขาดตอน
"ผมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีมุมมองในทางที่ดี พิจารณาว่าตั้งแต่มีการประกาศการหยุดยิง ณ วันที่ 14 รอยับ 1429 ซึ่งตรงกับวันที่ 17 กรกฎาคม 2551 นั้น มีแค่เสียงสรรเสริญ เสียงดีใจ เสียงตอบรับที่ดีจากคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้มีความคลางแคลงใจในหลายประการก็ตาม แต่ก็ไม่มีเสียงคัดค้านหรือเสียงต่อต้านการประกาศหยุดยิงจากชาวบ้านที่เคยประสบกับภาวะความเครียด หวาดหวั่น หวาดผวา" "จึงอยากใคร่ขอเรียกร้องให้กลุ่มขบวนการต่างๆ ทั้งที่เคยมีส่วนร่วมในการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลักษณะต่างๆ ทั้งเหตุการณ์เบาและรุนแรง เห็นแก่จิตใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรียกร้องขอความสันติ (สันติ-อิสลาม) ในพื้นที่ ขอร้องให้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่โดยตรงหรือมีอำนาจตามกฎหมาย เปิดประตู่เข้าสู่ความสันติ (สันติ-อิสลาม) พิจารณารองรับความเป็นไปได้ เมื่อหลังจากผ่านการทดสอบเบื้องต้นที่มีการหยุดยิง หยุดเหตุการณ์ความรุนแรงผ่าน 3 เดือนขึ้นไป เพื่อหาข้อตกลงในอนาคต จะได้ทางเลือกที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และประโยชน์ของคนประเทศชาติโดยส่วนรวม อย่าได้คำนึงถึงผลประโยชน์แฝงต่อคนหรือกลุ่มคนหรือคณะใดๆ ก็ตาม" "หากได้ตามนั้นแล้ว ข้อวิจารณ์ ข้อวิเคราะห์ ประเด็นพิจารณาข้างต้นจะไม่มีความหมาย เพราะประชาชนส่วนใหญ่เชื่อในคำพูดของผู้ประกาศที่เป็น มุสลิม และเมื่อฝ่ายกลุ่มขบวนการต่างๆ และฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพบแนวทางร่วมกันที่ดีกระทั่งได้ผลดี ผลดีนั้นก็ตกเป็นของประชาชนในพื้นที่ สันติอันเที่ยงตรงที่พึงประสงค์จะเกิดและจะอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป"


วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วย?? หรือ ทำลาย!! ชาติ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (อังกฤษ: People's Alliance for Democracy: PAD) เกิดจากการรวมตัวกันของหลายองค์กร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรอิสระภาคประชาชน จุดประสงค์หลักของการรวมตัวเพื่อกดดันขับไล่ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจส่วนตัวและคนสนิทและประพฤติผิดอีกหลาย ๆ อย่างอันไม่สมควรในการเป็นผู้บริหารประเทศ โดยมีแกนนำ 5 คน ได้แก่

1.สนธิ ลิ้มทองกุล

Photobucket
สนธิ ลิ้มทองกุล (7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 — ) เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ผู้ดำเนินรายการกลางแจ้ง เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และเคยเป็นผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ก่อนที่ถูกระงับการถ่ายทอดเนื่องจากการกล่าวถึงพระราชอำนาจ
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นบุคคลล้มละลาย
ในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2546 สนธิได้เขียนข่าวทำนายว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะตกต่ำในปี พ.ศ. 2553 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ลดการส่งออก[2] และขณะเดียวกันแนะนำให้ผู้คนลงทุน ด้วยการซื้อทองสะสมไว้
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2549 สนธิเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นำการชุมนุมเพื่อขับไล่ พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

2.พลตรีจำลอง ศรีเมือง

Photobucket
เป็น 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลสมัคร สุนทรเวชลาออกทั้งคณะ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ 2 สมัย ผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าพรรคพลังธรรมคนแรก เป็นแกนนำของผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535 และเป็น 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ช่วงปี พ.ศ. 2549
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีชื่อที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "มหาจำลอง" และ "มหาห้าขัน"

3.สมศักดิ์ โกศัยสุข

Photobucket

เป็นเลขาธิการสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2548 และเคยยื่นหนังสือคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่อนายกรัฐมนตรี พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

4.พิภพ ธงไชย

Photobucket

(10 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 — )ที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนันทนศึกษา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นเข้าเรียนต่อวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ทำกิจกรรมนักศึกษาจนได้รับเลือกเป็น นายกองค์การนักศึกษาในปี พ.ศ. 2510

5.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

Photobucket

เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2493 ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการศึกษา (กศ.บ.) จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ระดับปริญญาโทศึกษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์มติชนและนักวิชาการการเมืองภาคประชาชน เป็นครู ร.ร.วัดสระแก้ว เคยเป็นเลขาธิการสภาองค์การครูเพื่อสังคม (อคส.) เครือข่ายครูทั่วประเทศ 66 องค์กร ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยทำงานเกี่ยวกับมวลชนและคนยากจนมากว่า 30 ปี เป็นแกนนำต่อต้านกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ และโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย
ปัจจุบัน ได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อลงรับเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 อย่างเต็มตัว นายสมเกียรติได้ลงเลือกตั้งในระบบสัดส่วนที่พื้นที่เขต 6 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ (อันดับที่ 1) พันเอกวินัย สมพงษ์ (อันดับที่ 3) ด้วย ซึ่งนายสมเกียรติอยู่ที่อันดับที่ 2 และได้รับเลือกตั้งไป

6.สุริยะใส กตะศิลา

Photobucket

เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2515 ที่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ จบการศึกษาปริญญาตรี จาก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ประสานงาน ครป. และได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ ครป. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2545 และอยู่ในตำแหน่งนี้จนถึงปัจจุบันโดยไม่มีการเลือกตั้งใหม่ตามวาระ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วมการขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
บทบาทของ สุริยะใส ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร
นอกจากจัดแถลงข่าวคราวความเคลื่อนของเหล่าพันธมิตรผ่านสือ สุริยะใส แสดงบทบาทตามสือต่างๆ ถูกเชิญไปออกในรายการ ถึงลูกถึงคน ทางช่อง 9 อสมท และ ASTV หลายต่อหลายครั้ง

Photobucket
ก่อนและหลังการปฏิรูปโดย คปค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์ข่าวเกี่ยวกับทฤษฎี "แผนฟินแลนด์" และกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สมคบคิดกับอดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เพื่อล้มล้างราชวงศ์จักรี ยึดอำนาจการปกครองราชอาณาจักรไทย และก่อตั้งรัฐคอมมิวนิสต์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอดีตผู้นำและผู้ร่วมพคท. ได้ปฏิเสธว่า แผนสมคบคิดนี้ไม่ได้มีอยู่จริง แต่เป็นที่เชื่อกันในสังคมว่าเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงและกำลังถูกดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ภายหลังรัฐประหารสำเร็จได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) ก่อการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองจาก
รัฐบาลเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
หลังจากเกิดการปฏิรูปโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทางกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งแผนการเดิม จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อขับไล่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง ก็ได้ยุติการชุมนุมไป แล้วทิศทางในปัจจุบันนี้คือ ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 5 คน ก็ได้ตัดสินใจแยกทางกันตามปกติ ยุติการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ก็ยังมีการจับตาทางฝ่ายของอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ เพื่อไม่ให้อดีตนายกรัฐมนตรีรวมทั้งคณะรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทย ที่ได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปลายปี พ.ศ. 2550 แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือแทรกแซงระบบราชการ
การกลับมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรภายใต้รัฐบาลสมัคร
การกลับมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรภายใต้รัฐบาลสมัคร
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมายังประเทศไทย โดยกลุ่มพันธมิตรให้เหตุผลว่าคำสั่งโยกย้าย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (ปชส.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.สตช.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อาจเป็นการแทรกแทรงกระบวนการยุติธรรม
โดยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอย้ำจุดยืนว่าจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อคัดค้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ทันทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางถึงประเทศ ไทย แกนนำทั้งหมดจะเฝ้าดูและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวน อัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยยึดหลักปฏิบัติเดียวกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่กลับมายังประเทศไทยก่อนหน้านี้
ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง โดยจัดสัมมนาที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีการเสวนาทางวิชาการโดยนักวิชาการ นักศึกษา และบุคคลที่สนใจในการเมืองหลายกลุ่ม รวมทั้งมีการแสดงงิ้วธรรมศาสตร์อีกครั้ง และเปิดตัวผู้ทำงานทางด้านติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดต่าง ๆและจัดชุมนุมอีกครั้งที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 25 เมษายน ปีเดียวกัน

ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญในระหว่างการชุมนุม
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 15.00 น. ได้จัดรวมตัวชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 รวมทั้งมีการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อถอดถอน ส.ส. ส.ว. ที่เข้าชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 ด้วย พร้อมทั้งกล่าวหาถึงขบวนการสาธารณะรัฐ ที่ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เวลา 21.00 น. ได้เคลื่อนขบวนไปปักหลักยังหน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ติดอยู่เพียงแค่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นไว้ อีกทั้งท้ายขบวนยังมีการปะทะกับกลุ่มผู้ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯด้วย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าชื่อร่วมถอดถอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ที่ลงชื่อแก้ไข รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ส่วนอาสาสมัครผู้ช่วยการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ ถูกฝ่ายตรงข้ามรุมทำร้ายที่สะพานผ่านฟ้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาซ้ายหัก ศีรษะแตกเย็บกว่า 20 เข็ม จนต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด
วันอังคารที่
27 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 กลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ร่วมชุมนุมหน้ากงสุล 250 คน พร้อมทั้งสนับสนุนเงินบริจาคให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจำนวน 120,000 บาท ในวันเดียวกัน ศาลจังหวัดเชียงรายยกคำร้องถอนประกันที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ยื่นต่อศาลให้ถอนประกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยศาลให้เหตุผลว่า เป็นการเข้าร่วมชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 มีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ ทั้งหญิงและชาย จากเขตดุสิต และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ประมาณ 100 คน รวมตัวกันอยู่บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า บริเวณทางออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประตู่ฝั่ง ถนนพระอาทิตย์ ในวันเดียวกันนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในวันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศเปลี่ยนเป้าหมายในการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสมัครลาออกทั้งคณะ เพื่อรับผิดชอบต่อปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้น และยังกล่าวหาด้วยว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยที่พันธมิตรให้เหตุผลในการขับไล่อยู่ 12 ประการหลังจากนั้น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นเวทีปราศัยแล้วประกาศต่อสู้กับรัฐบาลสมัครขั้นแตกหัก โดยสั่งให้ผู้ชุมนุมทุกคนปักหลักชุมนุมต่อไป
วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 08.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ไม่ยอมให้รถของผู้ที่จะเข้ามารวมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ผ่านเข้าไปในบริเวณที่ชุมนุม หลังจากนั้นไม่นาน ประชาชนจำนวน 200 คน ได้เดินเข้าไปประชิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเจรจาขอให้เปิดทางให้กับรถยนต์ที่จะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้เวลาเจรจาเพียง 5 นาที เจ้าหน้าที่จึงยอมเปิดทางให้กับกลุ่มที่จะมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 15.50 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ออกมาย้ำจุดยืนบนเวทีพันธมิตรฯ โดยยืนยันว่าจะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และจะไม่ย้ายสถานที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ตำรวจจะเปิดทางให้ก็จะไม่ไป ซึ่ง พล.ต.จำลองกล่าวว่า
เราอยู่ตรงนี้ดีแล้ว
เราจะกินนอนที่นี่ ภูมิประเทศแถวนี้ผมรู้ดีกว่าตำรวจ สมัยเป็นนักเรียนนายร้อยเดินไปเดินมาบริเวณนี้ตั้ง 5 ปี ส่วนที่ทำเนียบก็เคยทำงานการเมืองมาหลายสมัย จึงรู้ทำเลดีกว่าตำรวจแน่
จากนั้นเวลา 19.45 น. มีกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประมาณ 200 คน ขับไปจอดที่บริเวณแยก จปร.พร้อมทั้งตะโกนต่อว่า และบีบแตรรบกวน อยู่ประมาณ 2 นาที ก่อนวกหัวกลับไปทางถนนราชดำเนินกลาง
วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปรับแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย เริ่มต้นด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา และผู้ร่วมชุมนุม 300 คน เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด แล้วยื่นจดหมายถึงนายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด นอกจากนี้ ยังได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสู่กระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือถึง ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ดูแลและแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่าการโต้ตอบทางการเมือง รวมทั้งยังเดินทางไปชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อถามหาความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ [19]
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดแนะกับผู้มาร่วมชุมนุมให้สวมเสื้อเหลืองและได้ร่วมกันจุดเทียนและร้องเพลงถวายพระพร เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 62 ปี
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 11.28 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนจากหน้าสนามกีฬาแห่งชาติไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมเรียกร้องให้ประธาน กกต.ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบคำร้องทุจริตเลือกตั้งที่ถูกยกกว่า 700 คดี ขณะเดียวกัน ให้ตรวจคำแถลงปิดคดีใบแดง “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ด้วยตัวเอง และยังให้กำลังใจ กกต. 3 คนคือ
1.นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
2.นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง
3.นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังอ้างว่า นาย
สมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้งอีกคนหนึ่ง มีพฤติกรรมที่แสดงออกเข้าข้างพรรคพลังประชาชนในทุกกรณี ตลอดจนอยู่ในฐานะที่กำกับดูแลเรื่องฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่บังอาจนำเสนอหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลฎีกานั้น ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที
วันอังคารที่17 มิถุนายน พ.ศ. 2551 สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ประกาศเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เวลา 20:58 น. นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา และ นายวสันต์ พานิชย์ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นซึ่ง ได้ประกาศนโยบายการประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติดว่า นโยบายนี้มีการใช้วิธีการฆ่าตัดตอน ที่ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,800 ราย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง จากนั้นมีการเปิดเทปบันทึกภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ในยุคของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แสดงให้เห็นถึงการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง และโหดเหี้ยมทำให้มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องกันถึงกว่า 70 ราย เวลา 21.20 น. หลังจากที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศจะนำมวลชนเคลื่อนไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา 13.00 น.ของวันที่ 20 มิถุนายน และขณะที่ นายพิภพ ธงไชย กำลังปราศรัยเรื่องแผนที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหารอยู่นั้น ตำรวจได้เปิดเพลง “รักกันไว้เถิด” เสียงดังมาก พร้อมกับเปิดไฟสปอตไลต์ใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจเดินเข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาหน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ได้ใช้โทรโข่งประกาศบอกผู้ชุมนุมให้ใจเย็นๆ และอยู่ในความสงบ
วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 10.00 น. พันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศเพื่อขับไล่นายนพดล ปัทมะ ให้ออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร เนื่องจากไม่ยอมเปิดเผยแผนที่ทับซ้อนเขาพระวิหารให้กับประชาชนคนไทยได้รับรู้ หลังจากตกลงร่วมกับประเทศกัมพูชาไปก่อนหน้านี้นั้น เพียงพอที่จะทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่เคลือบแคลงใจ และหวงแหนแผ่นดินไทย ต่างเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยต้องการเรียกร้องให้นายนพดลเปิดเผยข้อเท็จจริงโดยด่วน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่กระทบต่อหัวใจคนไทยทั้งประเทศ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 กองร้อย ตรึงกำลังเข้มทั้งภายในและภายนอกกระทรวงอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งนำรั้วเหล็กปิดกั้นประตูทางเข้า-ออกทั้ง 2 ด้าน ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ประมาณ 1,000 คน พร้อมรถเครื่องขยายเสียง ได้ปิดถนนศรีอยุธยาฝั่งกระทรวงการต่างประเทศทั้ง 4 ช่องทางแล้ว ทำให้การจราจรบริเวณโดยรอบติดขัดอย่างหนัก จากนั้นเวลา 10:24 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกจดหมายเปิดผนึก ถึงนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้กำลังใจกระทรวงการต่างประเทศ ยืนหยัดในการพิทักษ์รักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ หยุดเชื่อฟัง รมว.ต่างประเทศคนรับใช้"ทักษิณ"
เวลา 14.00 น. นาย
นพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ร่วมกับ นายอึง เซียน เอกอัครราชทูตกัมพูชา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ขบวนของกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ ได้เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาหยุดอยู่ที่บริเวณสี่แยก จ.ป.ร. (หน้าอาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) เผชิญหน้ากับตอนท้ายขบวนของพันธมิตรฯ โดยยังไม่มีเหตุปะทะกันเกิดขึ้น ด้านตำรวจได้จับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
วันศุกร์ที่
20 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 13.00 น.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับไล่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช หลังจากเดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อคัดค้านกรณีนายนพดล ปัทมะยอมรับแผนที่ปราสาทเขาพระวิหารที่กัมพูชากำหนดขึ้น เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
ประมาณเวลา 13.30 น. ขบวนผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การควบคุมของ พล.ต.
จำลอง ศรีเมือง สามารถฝ่าการสกัดกั้นของตำรวจเข้ายึดพื้นที่แยกนางเลิ้งสำเร็จ พร้อมประกาศจะเคลื่อนขบวนเข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 17.00 น. (กรุงเทพธุรกิจ) ส่วนขบวนของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้เคลื่อนพลถึงบริเวณแยกวังแดงใกล้คุรุสภา ด้าน นปก. ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมของตนและกลุ่มจักรยานยนต์ ปักหลักชุมนุมที่ ถนนราชดำเนินนอก หวังกดดันให้พันธมิตรฯ ยุติการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ขณะที่การจราจรบริเวณรอบถนนราชดำเนินนอกเป็นอัมพาต
เวลา 15.00 น. ขบวนผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ กลุ่มของนายสมศักดิ์ โกศัยสุขสามารถฝ่าด่านของตำรวจที่สกัดไว้บริเวณแยกมิสกวัน และมุ่งหน้านำกลุ่มผู้ชุมนุมไปสมทบกับกลุ่มของพลตรีจำลองที่แยกนางเลิ้งจนสำเร็จ
เวลา 15.30 น. พันธมิตรประกาศชัยชนะในการยึดพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าว ยอมรับว่าการที่พันธมิตรฯ สามารถยึดพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาลสำเร็จ ถือเป็นชัยชนะของประชาชนทุกคน เพราะถือว่าตำรวจไม่ได้แพ้ และประชาชน ก็ไม่ได้แพ้ และทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นประชาชนเช่นเดียวกัน พร้อมยืนยัน จะไม่มีการสลายการชุมนุมหรือการใช้แก๊สน้ำตาแต่อย่างใด

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รายชื่อสมาชิกกลุ่ม

Photobucketสวัสดีค่ะ ดิฉัน นางสาวณัฐติยา ปรีดารัตน์ เป็นคนระยองโดยกำเนิด จบมาจากโรงเรียนระยองวิทยาคม ปัจจุบันศึกษาอยู่ปี 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นิสัยส่วนตัวเป็นคนร่าเริง แต่คิดมากทุกเรื่อง ทุกมุมมอง ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว จึงทำให้ตัดสินใจมาสอบตรงที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้ พร้อมทั้งบรรยากาศที่แสนอบอุ่นของความมีไมตรีจิตของรุ่นพี่ อีกทั้งมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเป็นมหาวิทยาลัยน้องใหม่ที่มีชื่อเสียง ดิฉันหวังที่ไขว้คว้าความฝันที่จะให้พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูก
เมื่อกล่าวถึงสำนักวิชานิติศาสตร์ที่เลือกเรียนนั้น ก็คงไม่พ้นเรื่องกฎหมาย ส่วนเหตุผลที่ดิฉันเลือกเรียนนั้น ส่วนหนึ่งเป็นความตั้งใจของพ่อแม่ และดิฉันเห็นว่ามีทางเลือกในการศึกษาต่อในอนาคตที่มากกว่า อีกทั้งปัจจุบันปัญหาบ้านเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากสังคมในปัจจุบัน ต่างคนต่างไร้จิตสำนึกต่อประเทศชาติบ้านเมือง มีความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมาก ถ้าคนในสังคมลองหันมามองและช่วยปลูกจิตสำนึกแก่ลูกหลานสักนิด สังคมไทยในอนาคตคงเป็นสิ่งสมบูรณ์แบบ สิ่งหนึ่งที่ดิฉันคาดหวังไว้ คือ ต้องการเป็นบุคลากรด้านกฎหมายคนหนึ่งที่มีคุณภาพเพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศต่อไป…

Photobucketกระผม นายคุณฐิวัฒน์ รุจจนเวท ID 5131601075 ภูมิลำเนาอยู่ที่ กรุงเทพฯ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจาก โรงเรียนวัดนวลนรดิศ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย การที่กระผมเลือกที่จะเรียนในด้านสาขาวิชานี้ เป็นเพราะว่าผมมีความสนใจในด้านกฎหมาย
และเนื่องจากในปัจจุบันนี้ปัญหาทางการเมืองก็เริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทำให้ประเทศเริ่มเกิดวิกฤตและปัญหาต่างๆมากมาย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็เกิดจากผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองที่หวังจะเอารัดเอาเปรียบบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นกระผมจึงตัดสินใจศึกษาในสาขานี้เพื่อที่จะนำไปใช้ประกอบอาชีพ และทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง

Photobucketผม ชื่อ นายตะวัน ลีวงศ์เจริญ ชื่อเล่นชื่อกอล์ฟ เกิดที่จังหวัดกรุงเทพฯ และอยู่ที่กรุงเทพมากว่า10ปี จนเข้าเรียนชั้นม.ต้นจึงได้ย้ายมาเรียนที่จังหวัดระยอง และพอจบม.ปลายก็ได้ตัดสินใจที่จะมาศึกษาต่อ ในระดับปริญญาตรี สำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ทั้งด้านการเรียนการสอน และบุคลกร
จึงตัดสินใจมาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ถึงจะลำบากแต่ก็จะต้องเรียนให้จบ4ปี และผมเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าผมจะจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในเวลา4ปีหรือไม่ เพราะว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวผมเอง ผมหวังเป็นว่าผมจะจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยความภูมิใจ
สาเหตุที่ผมเลือกเรียนในวิชาด้านวิชากฎหมายเพราะว่าในยุคนี้ คนที่รู้กฎหมายก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่น เนื่องจากว่ายุคนี้เป็นยุคของ สิทธิมนุษยชน คนที่ไม่รู้กฎหมายจึงเสียเปรียบต่อคนอื่นที่รู้จักกฎหมายมากกว่าและใช้ช่องว่างทางกฎหมายหาประโยชน์ส่วนตัวหรือโกงคนอื่น เพราะในสังคมเราตอนนี้เหมือนกับว่าคนที่รู้กฎหมายมากกว่าและพยามหาช่องว่างทางกฎหมายเพื่อหาประโยชน์ส่วนตัว หรือเอาเปรียบผู้อื่นยังมีอยู่มาก ผมจึงอยากเรียนด้านกฎหมายเพื่อจะช่วยคนที่ถูกโกงและเพื่อรักษาประโยชน์ส่วนตัวของและคนรอบข้าง

Photobucketดิฉันนางสาวทยากร เทพรักษ์ เพื่อนๆเรียกว่า แป้ง ID 5131601078 เกิดและเติบโตที่จังหวัดอุบลราชธานีขณะนี้กำลังศึกษาสำนักวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เหตุผลที่ดิฉันเลือกเรียนนิติศาสตร์ เพราะอุปนิสัยของดิฉันเป็นคนช่างสังเกต และมักเก็บรายละเอียดของสิ่งรอบๆตัว เพราะการเรียนและการทำงานทางด้านกฎหมายต้องอาศัยการสังเกตเป็นสำคัญ

ความสำคัญของกฎหมายในปัจจุบันนี้คนมักใช้กฎหมายในทางที่ผิดมักใช้ในการเอารัดเอาเปรียบ เป็นส่วนใหญ่จึงทำให้สังคมในปัจจุบันเสื่อมโทรมลง ดังนั้นดิฉันจึงตัดสินใจเรียนสาขาวิชานิติศาสตร์เพื่อประกอบอาชีพและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมต่อไป

Photobucketข้าพเจ้า นางสาวทวิวงษ์ แสงพงษ์ชัย รหัสนักศึกษา 5131601080 เกิดและโตที่จังหวัดระยอง ข้าพเจ้าจบชั้นมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนระยองวิทยาคม ข้าพเจ้ามีความตั้งใจมาเป็นเวลา 1 ปีแล้วว่าจะศึกษาต่อใน คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แล้วข้าพเจ้าก็ได้เรียนที่นี่สมใจตัวเองและพ่อด้วย พ่อของข้าพเจ้าเป็นทนายความ ดังนั้นท่านจึงเป็นกำลังใจสำคัญในการเรียนคณะนิติศาสตร์ ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะจบภายใน 4 ปีหรือไม่ ข้าพเจ้ารู้เพียงว่าตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ข้าพเจ้าจะต้องขยันอ่านหนังสือให้มากที่สุด และในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมที่จะทำกิจกรรมด้วย
เพราะเราต้องอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่น ต้องไม่เห็นแก่ตัวและไม่เอาเปรียบผู้อื่นด้วย

ผู้รู้กฎหมายย่อมได้เปรียบกว่าผู้อื่น แต่ในสมัยนี้ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ที่รู้กฎหมายจึงมักเอาเปรียบชนชั้นชาวบ้านอยู่เสมอโดยเฉพาะผู้ที่ไม่รู้กฎหมาย การรู้กฎหมายเหมือนเป็นดาบสองคมเราจะใช้เพื่อช่วยคนก็ได้หรือจะใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อทำร้ายคนก็ได้ เพราะคนไทยมัวแต่เอาเปรียบกันเอง จึงทำให้ประเทศประสบกับปัญหาการเมืองอย่างเช่นวันนี้ ข้าพเจ้าตั้งคำมั่นสัญญาไว้กับตัวเองว่าจะดำรงชีวิตอยู่บนเส้นทางของความยุติธรรม แม้กระทั่งข้าพเจ้าจะยังอยู่ในสถานะของนักศึกษาอยู่ แต่อย่างไรข้าพเจ้าก็กำลังจะก้าวไปเป็นนักกฎหมายคนหนึ่งของประเทศ ข้าพเจ้าจึงตั้งใจที่จะใช้วิชาชีพกฎหมายเพื่อนำไปพัฒนาชุมชน จากชุมชนสู่สังคม จากสังคมสู่ประเทศ

Photobucketกระผม นายธีวรา จันทรสุรีย์ ภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดระยอง จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนลำปางกัลยาณี จ.ลำปาง ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย การที่กระผมเลือกที่จะเรียนในสาขาวิชานี้เพราะว่าเป็นหนึ่งในสาขาวิชาที่กระผมมีความสนใจที่จะศึกษาต่อ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันได้ตลอดเวลา และกระผมถือว่าการเป็นคนที่มีความรู้ในด้านกฎหมาย ก็เปรียบเสมือนว่ามีอาวุธอยู่ในมือตลอดเวลา จึงจะไม่มีใครสามารถที่จะมาเอารัดเอาเปรียบเราได้
และในสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ก็เริ่มที่จะย่ำแย่ลงทุกที เพราะยังมีกลุ่มผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองซึ่งไม่มีความซื่อตรง คิดจะโกงกินบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ประเทศไทยไม่เจริญก้าวหน้าขึ้นสักที จึงเป็นแรงผลัก
ดันให้กระผมตระหนักถึงความจำเป็นที่จะศึกษาในด้านกฎหมาย การเมือง การปกครองอย่างจริงจัง เพื่อที่จะนำไปประกอบอาชีพที่สุจริต และ ทำประโยชน์ให้แก่สังคมในอนาคตข้างหน้า

Photobucketสวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อเพียงตะวัน พงษ์ไพบูลย์เป็นนักศึกษาวิชากฎหมาย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง และมีคติประจำใจที่กล่าวว่า “ตราช่างแห่งกฎหมายต้องตั้งเป็นเส้นตรงเสมอ” คำกล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมซึ่งดูเหมือนว่าจะลดน้องลงทุกทีในสังคมปัจจุบัน เพราะศีลธรรมในจิตใจมนุษย์กำลังถูกแทรกแทรงโดยอำนาจของเงินตรา ปัญหาการเมืองเกิดขึ้นมากมายในหลาย ๆ ประเทศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ปัญหาคอรัปชั่น จากพรรคการเมืองหรือรัฐบาลผู้แสวงหาอำนาจการปกครอง ผู้เป็นปัญญาชนแต่กลับใช้ความรู้ความสามารถโดยปราศจากคุณธรรม เป็นบ่อนทำลายประชาชน สังคม ให้ประสบความเดือดร้อนและเป็นตัวทำลายความมั่นคงของชาติ
หลายสถาบันมุ่งผลิตนักศึกษาที่เป็นเลิศทางด้านปัญญา หลายสถาบันมุ่งผลิตนักศึกษาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่โด่งดังเพื่อสถาบันนั้นจะมีชื่อเสียงเกรียงไกร แต่จะมีซักกี่สถาบันที่มุ่งผลิตนักศึกษาที่มีคุณธรรม กี่สถาบันกันหรือที่มุ่งผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพ คุณภาพในที่นี้มิได้หมายความว่าความเก่งเป็นเลิศ แต่คุณภาพนั้นประกอบด้วย ความรู้ที่ช่วยพัฒนาประเทศชาติ และคุณธรรมที่สามารถคิดแยกแยะความดีออกจากความชั่ว แยกหน้าที่ออกจากกิเลศ หากเหล่าปัญญาชนนั้นล้วนแต่เป็นผู้มีคุณภาพ ประเทศชาตินั้นย่อมเจริญงอกงาม ข้าพเจ้าจึงยึดถือคติพจน์ที่กล่าวว่า“คุณธรรมนำปัญญา พัฒนาคุณภาพ”


Photobucketชื่อ นางสาว ภัครัมภา อ่ำอ้น ภูมิลำเนา คือ จังหวัดชลบุรี จบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียน ชลกันยานุกูลชลบุรี ขณะนี้ศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สำนักวิชา นิติศาสตร์ เหตุผลที่ข้าพเจ้าเลือกเรียน นิติศาสตร์ เพราะ ข้าพเจ้ามีความชอบในเรื่องของกฎหมายและความถูกต้อง คติประจำใจของข้าพเจ้า คือ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดีเสมอ
เนื่องจากข้าพเจ้าเห็นว่าสภาพการเมืองของประเทศไทยในตอนนี้มีความตกต่ำและย่ำแย่ เนื่องมาจากโกงกินบ้านเมืองของนักการเมืองในปัจจุบันที่คิดจะหาผลประโยชน์เข้าตนเอง ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเล็งเห็นปัญหาในข้อนี้ ข้าพเจ้าจึงอยากที่จะตั้งใจศึกษา วิชานี้เพื่อเข้าใจในการปกครอง และการแก้ไขปัญหาของสังคมในอนาคต

Photobucketข้าพเจ้า นางสาว มุกดา คชาผล หรือเรียกเล่นๆได้ว่า มุก ข้าพเจ้าเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด แต่ได้ไปอยู่ที่จังหวัด กระบี่เพราะบิดาของข้าพเจ้าเป็นคนกระบี่ ข้าพเจ้าเรียนสำนักวิชา นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ชั้นปีที่ 1 เหตุที่เลือกเรียนทางด้านนี้ เพราะ ตรงกับอุปนิสัยโดยรวมของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเป็นคนที่ยึดถือในความซื่อตรงและไม่คดโกง เหตุเพราะตั้งแต่เด็กจนโตข้าพเจ้าเห็นผู้มีอำนาจในด้านกฎหมายใช้อำนาจในทางมิถูกมิควรมาโดยตลอด เห็นชาวบ้านที่ไม่มีอำนาจใดๆโดนกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าผู้รักษากฎหมายรังแกมาโดยตลอด ข้าพเจ้าจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะไม่โตขึ้นเป็นนักกฎหมายเหมือนกลุ่มคนเหล่านี้เป็นอันขาด ข้าพเจ้าจึงเลือกสายอาชีพนี้
ส่วนมุมมองของข้าพเจ้าต่อโลกในปัจจุบัน ข้าพเจ้าเห็นว่าที่โลกเป็นไปในทุกวันนี้เกิดสิ่งไม่ดีขึ้นมากมายเหตุเพราะความเห็นแก่ตัวของกลุ่มผู้นำและนักธุรกิจผู้แสวงหาผลประโยชน์โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อส่วนรวม ซึ่งต้องมองลงไปถึงพื้นฐานทางจิตใจของคนเหล่านั้นว่าขาดจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อส่วนรวม ปัญหาต่างๆจึงเกิดขึ้นมากมายทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจและปัญหาทางธรรมชาติ แต่ข้าพเจ้าก็ยังแอบหวังลึกๆว่ากลุ่มเยวชนในรุ่นนี้จะตระหนักถึงปัญหาในจุดนี้มากขึ้น....

Photobucketกระผม นายสุทธิเชษฐ์ พานเพียรศิลป์ บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดชลบุรี และอาศัยอยู่จังหวัดชลบุรีมาเป็นเวลากว่า17ปี และในปีที่18ข้าพเจ้าจึงได้ตัดสินใจด้วยตัวของข้าพเจ้าเองที่จะมาศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ระดับปริญญาตรี สำนักวิชานิติศาสตร์ เนื่องจากเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนของข้าพเจ้า และอีกทั้งข้าพเจ้าไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลเป็นเวลาถึง4ปี
นี่จึงเป็นการตัดสินใจเพื่อกำหนดเส้นทางในอนาคตของข้าพเจ้าว่า4ปีต่อจากนี้ข้าพเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือล้มลุกคลุกคลานอย่างไร ตัวข้าพเจ้าเองเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าข้าพเจ้าจะจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในเวลา4ปีหรือไม่ เพราะการทำสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น ข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้าพเจ้าจะจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยความภาคภูมิ แต่ข้าพเจ้าก็มิอาจจะหวังสูงเกินไปเพราะยิ่งหวังมากก็จะยิ่งเจ็บมาก ข้าพเจ้าจะพยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ข้าพเจ้ามีความสนใจในวิชาด้านวิชากฎหมายเนื่องจากในยุคสมัยนี้ ผู้ที่รู้กฎหมายก็จะได้เปรียบกว่าผู้อื่น เนื่องจากว่ายุคนี้เป็นยุคแห่ง สิทธิมนุษยชน ผู้ที่ไม่รู้กฎหมายจึงเสียเปรียบต่อผู้อื่นที่ต้องการจะโกงกินบ้านเมือง เพราะในสังคมเราตอนนี้เหมือนกับว่า ผู้ที่มีอำนาจจะสามารถทำสิ่งใดก็ย่อมทำได้ เมื่อสิ่งที่จะทำนั้นผิดต่อ รัฐธรรมนูญ ตนก็แก้กฎหมายซะใหม่ ข้าพเจ้าจึงต้องการศึกษาวิชาทางด้านกฎหมายเพื่อ
นำไปประกอบวิชาชีพอันสุจริตในอนาคตและเพื่อสร้างประโยชน์ให้ต่อสังคม