วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วย?? หรือ ทำลาย!! ชาติ

พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (อังกฤษ: People's Alliance for Democracy: PAD) เกิดจากการรวมตัวกันของหลายองค์กร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นองค์กรอิสระภาคประชาชน จุดประสงค์หลักของการรวมตัวเพื่อกดดันขับไล่ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจส่วนตัวและคนสนิทและประพฤติผิดอีกหลาย ๆ อย่างอันไม่สมควรในการเป็นผู้บริหารประเทศ โดยมีแกนนำ 5 คน ได้แก่

1.สนธิ ลิ้มทองกุล

Photobucket
สนธิ ลิ้มทองกุล (7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 — ) เป็นนักหนังสือพิมพ์ นักเขียน ผู้ก่อตั้งและเจ้าของหนังสือพิมพ์ในเครือผู้จัดการ ผู้ดำเนินรายการกลางแจ้ง เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร และเคยเป็นผู้ดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ก่อนที่ถูกระงับการถ่ายทอดเนื่องจากการกล่าวถึงพระราชอำนาจ
ในวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ศาลล้มละลายกลางได้พิพากษาให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นบุคคลล้มละลาย
ในเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2546 สนธิได้เขียนข่าวทำนายว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะตกต่ำในปี พ.ศ. 2553 พร้อมทั้งสนับสนุนให้ลดการส่งออก[2] และขณะเดียวกันแนะนำให้ผู้คนลงทุน ด้วยการซื้อทองสะสมไว้
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2549 สนธิเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่นำการชุมนุมเพื่อขับไล่ พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ให้ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

2.พลตรีจำลอง ศรีเมือง

Photobucket
เป็น 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลสมัคร สุนทรเวชลาออกทั้งคณะ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ 2 สมัย ผู้ก่อตั้ง และหัวหน้าพรรคพลังธรรมคนแรก เป็นแกนนำของผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ ปี พ.ศ. 2535 และเป็น 1 ใน 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ช่วงปี พ.ศ. 2549
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีชื่อที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "มหาจำลอง" และ "มหาห้าขัน"

3.สมศักดิ์ โกศัยสุข

Photobucket

เป็นเลขาธิการสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2548 และเคยยื่นหนังสือคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต่อนายกรัฐมนตรี พต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

4.พิภพ ธงไชย

Photobucket

(10 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 — )ที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนันทนศึกษา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นเข้าเรียนต่อวิทยาลัยครูบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ทำกิจกรรมนักศึกษาจนได้รับเลือกเป็น นายกองค์การนักศึกษาในปี พ.ศ. 2510

5.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

Photobucket

เกิดเมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2493 ที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาการศึกษา (กศ.บ.) จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ระดับปริญญาโทศึกษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคอลัมนิสต์ในหนังสือพิมพ์มติชนและนักวิชาการการเมืองภาคประชาชน เป็นครู ร.ร.วัดสระแก้ว เคยเป็นเลขาธิการสภาองค์การครูเพื่อสังคม (อคส.) เครือข่ายครูทั่วประเทศ 66 องค์กร ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน และเป็นหนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยทำงานเกี่ยวกับมวลชนและคนยากจนมากว่า 30 ปี เป็นแกนนำต่อต้านกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ และโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย
ปัจจุบัน ได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เพื่อลงรับเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 อย่างเต็มตัว นายสมเกียรติได้ลงเลือกตั้งในระบบสัดส่วนที่พื้นที่เขต 6 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ (อันดับที่ 1) พันเอกวินัย สมพงษ์ (อันดับที่ 3) ด้วย ซึ่งนายสมเกียรติอยู่ที่อันดับที่ 2 และได้รับเลือกตั้งไป

6.สุริยะใส กตะศิลา

Photobucket

เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2515 ที่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ จบการศึกษาปริญญาตรี จาก คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ประสานงาน ครป. และได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ ครป. ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2545 และอยู่ในตำแหน่งนี้จนถึงปัจจุบันโดยไม่มีการเลือกตั้งใหม่ตามวาระ ปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วมการขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
บทบาทของ สุริยะใส ในฐานะผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร
นอกจากจัดแถลงข่าวคราวความเคลื่อนของเหล่าพันธมิตรผ่านสือ สุริยะใส แสดงบทบาทตามสือต่างๆ ถูกเชิญไปออกในรายการ ถึงลูกถึงคน ทางช่อง 9 อสมท และ ASTV หลายต่อหลายครั้ง

Photobucket
ก่อนและหลังการปฏิรูปโดย คปค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ให้สัมภาษณ์ข่าวเกี่ยวกับทฤษฎี "แผนฟินแลนด์" และกล่าวหาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สมคบคิดกับอดีตผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เพื่อล้มล้างราชวงศ์จักรี ยึดอำนาจการปกครองราชอาณาจักรไทย และก่อตั้งรัฐคอมมิวนิสต์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และอดีตผู้นำและผู้ร่วมพคท. ได้ปฏิเสธว่า แผนสมคบคิดนี้ไม่ได้มีอยู่จริง แต่เป็นที่เชื่อกันในสังคมว่าเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นจริงและกำลังถูกดำเนินการอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ภายหลังรัฐประหารสำเร็จได้เปลี่ยนชื่อเป็นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ) ก่อการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองจาก
รัฐบาลเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย
หลังจากเกิดการปฏิรูปโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทางกลุ่มพันธมิตรฯซึ่งแผนการเดิม จะมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เพื่อขับไล่รัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง ก็ได้ยุติการชุมนุมไป แล้วทิศทางในปัจจุบันนี้คือ ทางแกนนำกลุ่มพันธมิตรทั้ง 5 คน ก็ได้ตัดสินใจแยกทางกันตามปกติ ยุติการเคลื่อนไหวแล้ว แต่ก็ยังมีการจับตาทางฝ่ายของอดีตนายกรัฐมนตรีอยู่ เพื่อไม่ให้อดีตนายกรัฐมนตรีรวมทั้งคณะรัฐมนตรีในพรรคไทยรักไทย ที่ได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งปลายปี พ.ศ. 2550 แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมหรือแทรกแซงระบบราชการ
การกลับมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรภายใต้รัฐบาลสมัคร
การกลับมาเคลื่อนไหวของพันธมิตรภายใต้รัฐบาลสมัคร
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ภายหลังจากที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับมายังประเทศไทย โดยกลุ่มพันธมิตรให้เหตุผลว่าคำสั่งโยกย้าย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ (ปชส.) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.สตช.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา อาจเป็นการแทรกแทรงกระบวนการยุติธรรม
โดยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอย้ำจุดยืนว่าจะไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เพื่อคัดค้านการกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ทันทีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางถึงประเทศ ไทย แกนนำทั้งหมดจะเฝ้าดูและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวน อัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยยึดหลักปฏิบัติเดียวกับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่กลับมายังประเทศไทยก่อนหน้านี้
ในวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง โดยจัดสัมมนาที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมีการเสวนาทางวิชาการโดยนักวิชาการ นักศึกษา และบุคคลที่สนใจในการเมืองหลายกลุ่ม รวมทั้งมีการแสดงงิ้วธรรมศาสตร์อีกครั้ง และเปิดตัวผู้ทำงานทางด้านติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลชุดต่าง ๆและจัดชุมนุมอีกครั้งที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 25 เมษายน ปีเดียวกัน

ลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญในระหว่างการชุมนุม
วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 15.00 น. ได้จัดรวมตัวชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2550 รวมทั้งมีการรวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อถอดถอน ส.ส. ส.ว. ที่เข้าชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 ด้วย พร้อมทั้งกล่าวหาถึงขบวนการสาธารณะรัฐ ที่ต้องการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เวลา 21.00 น. ได้เคลื่อนขบวนไปปักหลักยังหน้าทำเนียบรัฐบาล แต่ติดอยู่เพียงแค่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นไว้ อีกทั้งท้ายขบวนยังมีการปะทะกับกลุ่มผู้ต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯด้วย จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย
วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าชื่อร่วมถอดถอน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา ที่ลงชื่อแก้ไข รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ต่อ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ส่วนอาสาสมัครผู้ช่วยการ์ดกลุ่มพันธมิตรฯ ถูกฝ่ายตรงข้ามรุมทำร้ายที่สะพานผ่านฟ้า จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาซ้ายหัก ศีรษะแตกเย็บกว่า 20 เข็ม จนต้องเข้ารับการผ่าตัดที่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือแต่อย่างใด
วันอังคารที่
27 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 กลุ่มผู้สนับสนุนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ร่วมชุมนุมหน้ากงสุล 250 คน พร้อมทั้งสนับสนุนเงินบริจาคให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจำนวน 120,000 บาท ในวันเดียวกัน ศาลจังหวัดเชียงรายยกคำร้องถอนประกันที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ได้ยื่นต่อศาลให้ถอนประกัน นายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยศาลให้เหตุผลว่า เป็นการเข้าร่วมชุมนุมที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 มีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ ทั้งหญิงและชาย จากเขตดุสิต และเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ประมาณ 100 คน รวมตัวกันอยู่บริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า บริเวณทางออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประตู่ฝั่ง ถนนพระอาทิตย์ ในวันเดียวกันนี้ นายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในวันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศเปลี่ยนเป้าหมายในการชุมนุม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสมัครลาออกทั้งคณะ เพื่อรับผิดชอบต่อปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้น และยังกล่าวหาด้วยว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยที่พันธมิตรให้เหตุผลในการขับไล่อยู่ 12 ประการหลังจากนั้น นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นเวทีปราศัยแล้วประกาศต่อสู้กับรัฐบาลสมัครขั้นแตกหัก โดยสั่งให้ผู้ชุมนุมทุกคนปักหลักชุมนุมต่อไป
วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 เวลา 08.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ไม่ยอมให้รถของผู้ที่จะเข้ามารวมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ผ่านเข้าไปในบริเวณที่ชุมนุม หลังจากนั้นไม่นาน ประชาชนจำนวน 200 คน ได้เดินเข้าไปประชิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเจรจาขอให้เปิดทางให้กับรถยนต์ที่จะเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยใช้เวลาเจรจาเพียง 5 นาที เจ้าหน้าที่จึงยอมเปิดทางให้กับกลุ่มที่จะมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ
วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 15.50 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ออกมาย้ำจุดยืนบนเวทีพันธมิตรฯ โดยยืนยันว่าจะชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และจะไม่ย้ายสถานที่ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปที่ทำเนียบรัฐบาล แม้ตำรวจจะเปิดทางให้ก็จะไม่ไป ซึ่ง พล.ต.จำลองกล่าวว่า
เราอยู่ตรงนี้ดีแล้ว
เราจะกินนอนที่นี่ ภูมิประเทศแถวนี้ผมรู้ดีกว่าตำรวจ สมัยเป็นนักเรียนนายร้อยเดินไปเดินมาบริเวณนี้ตั้ง 5 ปี ส่วนที่ทำเนียบก็เคยทำงานการเมืองมาหลายสมัย จึงรู้ทำเลดีกว่าตำรวจแน่
จากนั้นเวลา 19.45 น. มีกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ประมาณ 200 คน ขับไปจอดที่บริเวณแยก จปร.พร้อมทั้งตะโกนต่อว่า และบีบแตรรบกวน อยู่ประมาณ 2 นาที ก่อนวกหัวกลับไปทางถนนราชดำเนินกลาง
วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ปรับแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย เริ่มต้นด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา และผู้ร่วมชุมนุม 300 คน เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด แล้วยื่นจดหมายถึงนายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุด นอกจากนี้ ยังได้เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าสู่กระทรวงมหาดไทย เพื่อยื่นหนังสือถึง ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ดูแลและแก้ปัญหาของประชาชนมากกว่าการโต้ตอบทางการเมือง รวมทั้งยังเดินทางไปชุมนุมประท้วงที่ด้านหน้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อถามหาความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ [19]
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดแนะกับผู้มาร่วมชุมนุมให้สวมเสื้อเหลืองและได้ร่วมกันจุดเทียนและร้องเพลงถวายพระพร เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชย์สมบัติครบ 62 ปี
วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 11.28 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนจากหน้าสนามกีฬาแห่งชาติไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมเรียกร้องให้ประธาน กกต.ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบคำร้องทุจริตเลือกตั้งที่ถูกยกกว่า 700 คดี ขณะเดียวกัน ให้ตรวจคำแถลงปิดคดีใบแดง “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ด้วยตัวเอง และยังให้กำลังใจ กกต. 3 คนคือ
1.นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง
2.นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง
3.นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังอ้างว่า นาย
สมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้งอีกคนหนึ่ง มีพฤติกรรมที่แสดงออกเข้าข้างพรรคพลังประชาชนในทุกกรณี ตลอดจนอยู่ในฐานะที่กำกับดูแลเรื่องฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่บังอาจนำเสนอหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาลฎีกานั้น ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งโดยทันที
วันอังคารที่17 มิถุนายน พ.ศ. 2551 สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ประกาศเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เวลา 20:58 น. นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา และ นายวสันต์ พานิชย์ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นซึ่ง ได้ประกาศนโยบายการประกาศสงครามปราบปรามยาเสพติดว่า นโยบายนี้มีการใช้วิธีการฆ่าตัดตอน ที่ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,800 ราย เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง จากนั้นมีการเปิดเทปบันทึกภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สถานีตำรวจอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ในยุคของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่แสดงให้เห็นถึงการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง และโหดเหี้ยมทำให้มีผู้เสียชีวิตต่อเนื่องกันถึงกว่า 70 ราย เวลา 21.20 น. หลังจากที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ประกาศจะนำมวลชนเคลื่อนไปชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลในเวลา 13.00 น.ของวันที่ 20 มิถุนายน และขณะที่ นายพิภพ ธงไชย กำลังปราศรัยเรื่องแผนที่ทับซ้อนบริเวณปราสาทเขาพระวิหารอยู่นั้น ตำรวจได้เปิดเพลง “รักกันไว้เถิด” เสียงดังมาก พร้อมกับเปิดไฟสปอตไลต์ใส่ผู้ชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจเดินเข้าไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่อมาหน่วยรักษาความปลอดภัยของพันธมิตรฯ ได้ใช้โทรโข่งประกาศบอกผู้ชุมนุมให้ใจเย็นๆ และอยู่ในความสงบ
วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 10.00 น. พันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปชุมนุมหน้ากระทรวงการต่างประเทศเพื่อขับไล่นายนพดล ปัทมะ ให้ออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยื่นหนังสือทวงถามกรณีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร เนื่องจากไม่ยอมเปิดเผยแผนที่ทับซ้อนเขาพระวิหารให้กับประชาชนคนไทยได้รับรู้ หลังจากตกลงร่วมกับประเทศกัมพูชาไปก่อนหน้านี้นั้น เพียงพอที่จะทำให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ที่เคลือบแคลงใจ และหวงแหนแผ่นดินไทย ต่างเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยต้องการเรียกร้องให้นายนพดลเปิดเผยข้อเท็จจริงโดยด่วน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่กระทบต่อหัวใจคนไทยทั้งประเทศ ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 2 กองร้อย ตรึงกำลังเข้มทั้งภายในและภายนอกกระทรวงอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งนำรั้วเหล็กปิดกั้นประตูทางเข้า-ออกทั้ง 2 ด้าน ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ประมาณ 1,000 คน พร้อมรถเครื่องขยายเสียง ได้ปิดถนนศรีอยุธยาฝั่งกระทรวงการต่างประเทศทั้ง 4 ช่องทางแล้ว ทำให้การจราจรบริเวณโดยรอบติดขัดอย่างหนัก จากนั้นเวลา 10:24 น. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกจดหมายเปิดผนึก ถึงนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้กำลังใจกระทรวงการต่างประเทศ ยืนหยัดในการพิทักษ์รักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ หยุดเชื่อฟัง รมว.ต่างประเทศคนรับใช้"ทักษิณ"
เวลา 14.00 น. นาย
นพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ ได้ลงนามยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ร่วมกับ นายอึง เซียน เอกอัครราชทูตกัมพูชา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ขบวนของกลุ่มต่อต้านพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ ได้เคลื่อนขบวนจากสนามหลวงมาหยุดอยู่ที่บริเวณสี่แยก จ.ป.ร. (หน้าอาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) เผชิญหน้ากับตอนท้ายขบวนของพันธมิตรฯ โดยยังไม่มีเหตุปะทะกันเกิดขึ้น ด้านตำรวจได้จับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง
วันศุกร์ที่
20 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา 13.00 น.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เคลื่อนขบวนปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อขับไล่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช หลังจากเดินทางไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อคัดค้านกรณีนายนพดล ปัทมะยอมรับแผนที่ปราสาทเขาพระวิหารที่กัมพูชากำหนดขึ้น เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
ประมาณเวลา 13.30 น. ขบวนผู้ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภายใต้การควบคุมของ พล.ต.
จำลอง ศรีเมือง สามารถฝ่าการสกัดกั้นของตำรวจเข้ายึดพื้นที่แยกนางเลิ้งสำเร็จ พร้อมประกาศจะเคลื่อนขบวนเข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 17.00 น. (กรุงเทพธุรกิจ) ส่วนขบวนของนายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้เคลื่อนพลถึงบริเวณแยกวังแดงใกล้คุรุสภา ด้าน นปก. ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมของตนและกลุ่มจักรยานยนต์ ปักหลักชุมนุมที่ ถนนราชดำเนินนอก หวังกดดันให้พันธมิตรฯ ยุติการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ขณะที่การจราจรบริเวณรอบถนนราชดำเนินนอกเป็นอัมพาต
เวลา 15.00 น. ขบวนผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ กลุ่มของนายสมศักดิ์ โกศัยสุขสามารถฝ่าด่านของตำรวจที่สกัดไว้บริเวณแยกมิสกวัน และมุ่งหน้านำกลุ่มผู้ชุมนุมไปสมทบกับกลุ่มของพลตรีจำลองที่แยกนางเลิ้งจนสำเร็จ
เวลา 15.30 น. พันธมิตรประกาศชัยชนะในการยึดพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล ด้าน พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าว ยอมรับว่าการที่พันธมิตรฯ สามารถยึดพื้นที่หน้าทำเนียบรัฐบาลสำเร็จ ถือเป็นชัยชนะของประชาชนทุกคน เพราะถือว่าตำรวจไม่ได้แพ้ และประชาชน ก็ไม่ได้แพ้ และทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นประชาชนเช่นเดียวกัน พร้อมยืนยัน จะไม่มีการสลายการชุมนุมหรือการใช้แก๊สน้ำตาแต่อย่างใด

22 ความคิดเห็น:

ฺBankNomsoD กล่าวว่า...

ผมคิดว่าใครๆก็อยากทำเพื่อชาติทั้งนั้นแหละครับ
แต่มันก็ขึ้นอยู่ที่ การที่จะกระทำเพื่อชาตินั้นเป็นการกระทำที่ออกมาจากใจจริงหรือเสแสร้งแกล้งทำเพื่อผลประโยชน์ของตนหรือพรรคพวกของตนรึไม่

การกระทำของคนแต่ละฝ่ายนะ มันขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละมากกว่า ที่จะไปตัดสินเค้าว่าดีหรือเลว เพราะทุกคนต่างก็มีเหตุผลของตนทั้งนั้น

กับสิ่งที่ตัวเองเคยเจอมา ช่วงสมัยอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 6 ในช่วงที่มีการเดินขบวนขับไล่ นายก ทักษิณ ผมก็ได้มีโอกาสไปเดินขบวนกับกลุ่มพันธมิตรช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อที่ต้องการที่จะทราบว่า กลุ่มคนในนั้นเป็นกลุ่มคนพวกไหน เท่าที่ผมสังเกตเห็นได้นั้น ส่วนใหญ่จะพวกที่เสียประโยชน์จากนโยบายต่างๆของรัฐบาลเกือบทั้งนั้น

แต่เมื่อผมได้มาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ติดตามข่าวสารเท่าที่ควร

บทความที่น้องๆรวบรวมข้อมูลเขียนขึ้นมานี้ พี่ว่าน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ได้เข้ามาอ่านทุกคน

ปล. ขอให้น้องๆทุกคนตั้งใจเรียนต่อไป แล้วเราทุกคนจะได้จะเป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงทุกคนตามของฝันของตนหรือตามคาดหวังจากครอบของตน

แบงค์ นิติศาสตร์ รุ่น4

Unknown กล่าวว่า...

เห็นด้วยอย่างยิ่งกัยพี่ BankNomsoD ที่บอกว่าทุกคนก็ต่างอยากทำประโยชน์เพื่อชาติ และขอเสริมว่า การที่จะกระทำอะไร เป็นประโยชน์ รึ ทำลายนั้น ขอให้สังเกตุว่า ณ การกระทำนี้ จุดนี้ เวลานี้ มันเป็นประโยชน์และทำให้ชาติรุ่งเรืองรึเปล่า ทำความเดือนร้อนให้กับคนส่วนมากรึไม่ ประเทศของเรกำลังมีปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นราคาน้ำมัน อีกทั้ง รัฐบาลชุดใหม่พิ่งเริ่มบริหารประเทศ ประเทศของเราเจอกับภาวะความกดดันในหลาย ๆ ด้าน แล้วการกระทำของกลุ่มพันธิตร เป็นหนึ่งในความกดดันที่ถาโถมนั้น รึ เป็นทางแกปัญหาของประเทศกันแน่

Unknown กล่าวว่า...

การที่ใครจะมองว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนจะเข้ามาช่วยหรือมาทำลายชาตินั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของคนในกลุ่มซึ่งจากสื่อที่ออกมา ดิฉันมองเห็นว่าบางอย่างเป็นเรื่องที่ให้ผลประโยชน์กับชาติ แต่บางอย่างดิฉันว่าเป็นเรื่องของเหตุผลส่วนตัวมากกว่า
ดิฉันได้แค่หวังลึกๆว่าการกระทำของผู้ใหญ่แต่ละกลุ่มจะตระหนักถึงผลที่ตามมาต่อประเทศเป็นหลัก

FastNews กล่าวว่า...

กลุ่มพันธมิตรไล่คนโกงกินบ้านเมืองอย่างนั้นออกไปก็ดีแล้ว อยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญขึ้น ตอนแรกออกนอกประเทศไปก็ดีแล้ว กลับมาอีกทำไม

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ในความเข้าใจของข้าพเจ้า กลุ่มพันธมิตรคือกลุ่มบุคคลที่รู้ทันฝ่ายรัฐบาล หรือเรียกง่ายคือคอยจับผิดว่ารัฐบาลนั้นทำงานเพื่อประชาชนหรือเพื่อนักการเมืองในรัฐบาลนั้น ซึ่งก็เป็นการดีเพราะประชาชนทุกคนคงไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการเมืองได้ครบทุกคน พันธมิตรจะเป็นกลุ่มที่คอยออกมาแฉรัฐบาล ซึ่งทำให้เราได้รู้เรื่องบางอย่างที่เหลือเชื่อ แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าว่าคงไม่มีใครทำอะไรแล้วไม่หวังผลตอบแทนหรอก การกระทำของฝ่ายพันธมิตรถ้าพวกเขาทำสำเร็จพวกเขาก็คงจะได้ผลประโยชนบางอย่าง แต่ก็คงไม่มากเกินควร

ถ้าถามข้าพเจ้าว่าพันธมิตรนั้น "ช่วย" หรือ "ทำลาย"
ข้าพเจ้าว่าพวกเขาคงจะช่วยมากกว่าทำลาย แต่ก็ไม่ถือว่าช่วยอย่างบริสุทธิ์ใจ100%เพราะพวกเขาเองก็ต้องการผลบางประโยชน์บางอย่างด้วยเช่นกัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รักชาติ รักชาติ!!

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าจะมองกันให้ดี จริงแล้วพันธมิตรก็เป็นส่วนช่วยให้เรามีมุมมองด้านต่างๆที่ไม่เคยเห็น เหมือนกับช่วยให้คนไทยฉลาดขึ้น ทันโลกขึ้น กระตุ้นให้คนไทยกระตือรือร้นจากการอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณ ถ้าไม่มีพวกเค้า ลองคิดดูคนไทยจะตื่นตัวเท่าทุกวันนี้ที่เปงอยู่หรือไม่ ถึงแม้พวกเค้าจะมาจากการที่ทักษิณขัดผลประโยชน์ก็เหอๆ ลองมองดีๆๆสิ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จิตสำนึกใช้ได้กับบางคนเท่านั้น
ยากที่จะให้ใครมาทำอะไรเพื่อคนอื่น
ลึกๆ แต่ละคนก็ต้องหวังประโยชน์กลับมาบ้างแหละ

^^..ไม่ชอบการเมือง

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

พันธมิตรประชาชน คงเป็นกลุ่มที่กล้าเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ผลที่ได้มาอาจเป็นผลกระทบต่อประเทศที่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด

มุมมองเค้านะ รัฐบาลทำงานล่าช้าสุดๆ

แล้วนี่อาจเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการชุมนุมนี้ขึ้นด้วย

อยากให้ประเทศสงบสุขเสียที

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ก้ออ่านะ...

ไม่รู้จะว่ายังไงดี..
มันแร้วแต่คนจะมอง
มันมองได้ต่างกันหลายด้าน
เพราะต่างคนก้อต่างพ่อต่างแม่

มีทั้งคนชอบและไม่ชอบพันธมิตร...

แต่ยังไงก้ออยากให้คนไทยรักกันไว้นะ
อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวกเรย

whiteblood กล่าวว่า...

การจะกู้ชาตินั้นไม่จำเป็นต้องออกมาด่ารัฐบาลปาวๆ การกู้ชาติควรไปเป็นอย่างสันติ เเต่ในปัจจุบันข้าพเจ้าคิดว่าการนำเรื่องของรัฐออกมาเเฉนั้นเป็นเรื่องไม่ควรเพราะบางสิ่งควรถูกปิดเป็นความลับเพื่อความมั่นคงของชาติ การออกมาด่ารัฐบาลเช่นนี้ทำเหมือนพวกพาลไปทั่วในตอนเเรกข้าพเจ้าก็เห็นดีด้วยกับการที่กลุ่มพันธมิตรออกมาเปิดโปงการโกงกินของรัฐบาล แต่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่าบุคคลในกลุ่มพันธมิตร ต่างก็มีการศึกษาทำไมต้องออกมาใช้วาจาหยาบคายฟังแล้วไม่เสนาะหูเลย ทั้งนี้ข้าพเจ้าคิดว่าทุกฝ่ายต้องการที่จะเห็นชาติไทยอยู่อย่างสันติ แต่สันติจะมาได้อย่างไรในเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่หันหน้าเข้าหากันและร่วมมือกันเเก้ปัญหาส่วนมากพวกที่ไปร่วมกลุ่มพันธมิตรก็เป้นพวกที่เสียประโยชน์ทั้งนั้นโดยที่ไม่ได้คิดถึงหลักความจริงของชีวิตเลยว่าการมีได้ประโยชน์ก็ต้องมีเสียประโยชน์จะให้อะไรสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นมันเป็นไปไม่ได้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สำหรับความคิดเห็นของผมนั้น ผมว่ากลุ่มพันธมิตรนี้เป็นกลุ่มคนที่ช่วยรักษาประเทศชาติ เปรียบเสมือนเป็นยามเฝ้าแผ่นดินไทยของเรา แต่ในบางสถานการณ์นั้นกลุ่มพันธมิตรก้อาจจะทำบางสิ่งบางอย่างที่มีผลกระทบต่อบ้านเมืองเราบ้าง เช่น ชุมนุมกันเลยทำให้การจราจรเกิดการติดขัด แต่ถึงยังไงพวกเขาก็ยังเป็นยามเฝ้าแผ่นดินที่ดีที่สุด ที่คอยปกป้องแผ่นดินทองของเรานี้ไว้

Democl2acy Group กล่าวว่า...

ไม่มีปฏิวัติจะได้รู้เหรอว่าใครโกง ไม่โกง ไม่มีปฏิวัติคงไม่มีใครกล้าเอาหลักฐานมาประกอบคดีละมั้ง
แต่มันก็ต้องดูว่ามันสถานที่มันเหมาะสมมั้ย
อย่างกรุงเทพฯธรรมดารถมันก็ติดวุ่นวายมากพออยู่แล้ว
มันก็เลยกลายเป็นเหมือนสร้างความวุ่นวายมากกว่าช่วยชาติไงล่ะ

Unknown กล่าวว่า...

การประท้วง การเดินขบวน

เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตย

แต่บางครั้ง กลุ่มพันธมิตร

ก็ทำเกินขอบเขตกฏหมายบ้านเมือง เกิดความวุ่นวาย

การจราจรติดขัด เกิดความรุนแรง

แต่อย่างน้อย พวกเค้า ก็เป็นส่วนหนึ่ง

ที่ทำให้นักการเมืองที่กำลังโกงกินประเทศชาติ

ไม่มีแผ่นดินอยู่ >> เอ๊ะ ใครกันนะ ^^

ชมพูนุช 513-1601-033 นิติศาสตร์

Dek_Law กล่าวว่า...

การกระทำของพันธมิตรไม่ได้เพื่อทำลายชาติและไม่ได้ช่วยชาติ
เราต้องดูจากการกระทำที่มันมีให้เห็นอยู่ทุกวันนี้
และมันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนด้วยว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
มันขึ้นอยู่กะอุดมคติของครายของมันนะว่าฝักใฝ่ฝ่ายใด
เราจามอกว่าพันธมิตรทำลายชาติก็ไม่ถูกเพราะพันธมิตรเป็งอีกหนึ่งกลุ่มที่บอกถึงข้อเสียในการบริหารบ้านเมืองและจะว่าเข้าทำเพื่อชาติก็ไม่ถูกเพราะมีบางครั้งเค้าก็ทำให้ประเทศชาติเสยภาพพจน์

ยังไงก็อยู่ที่ตัวเราคิดและการกระทำที่มีอยู่ให้เห็นแหละ

น.ส. เกษศิณ กรกนก
ID: 5131601012

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทำลาย สิ
ดูแต่ละอย่างที่ทำ ทำไมไม่ทำให้เป็นระบบ ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีประมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข การที่จะตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารได้นั้น ท่านก็ต้องไปเข้าสู่ระบบ ถ่วงดุลตรวจสอบสิค่ะ
ทำไมว่า ประท้วงกลางถนนแบบนี้ ประเทศเราเป็นประชาธิปไตยในสภานะค่ะ
ไม่ใช่ประชาธิปไตยข้างถนน

PhoBiaS กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
PhoBiaS กล่าวว่า...

กลุ่มพัธมิตรออกมาสร้างความคลื่นไหวทางการเมืองโดยอ้างว่า ช่วยชาติ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์อันเป็นสถาบันสูงสุดของชาติ ก็ไม่มีใครไม่เห็นด้วย แต่เหตุการณ์ปัจจุบันนั้น ไม่ได้อยู่ใขอบเขตของกฎหมายแล้ว กลับกลายเป็นการปลุกระดมความคิดให้เกิดอคติกับฝ่ายรัฐบาลมากกว่า อีกทั้งเป็นการชุมนุมที่ปราศจากความสงบเรียบร้อย จากเรื่องการชุมนุมกลายเป็นเหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองจนศาลแพ่งต้องมีค่ำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ตอนนี้เหตุการณ์เริ่มบานปลายออกไปกว้างขวางมาก ความขัดแย้งและความไม่สงบมีอยู่ทั่วทุกที่ของประเทศ จากสถานการณ์ปัจจุบันคงเรียกได้แล้วว่า ทำให้ชาติเราแย่ลงทุกขณะๆ ตลาดหลักทรัพย์ปิดตัวในวันแรกของการบุกทำเนียบติดอยู่ในแดนลบ นักลงทุนต่างชาติชะลอการซื้ออสังหาริมทรัพย์กันเป็นอย่างมาก แล้วเศรษฐกิจของเราจะดำเนินต่อไปได้อย่างไร ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้

ถ้าทุกฝ่ายยอมถอยหลังมาคนละก้าวมาหาจุดสันติวิธีได้ เหตุการณ์ก็คงไม่เป็นแบนี้

PhoBiaS กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ในความคิดฉันคิดว่าฝ่ายพธมเป็นคนที่รู้ทันการทำงานในรัฐบาลมากกว่าประชาชนทั่วไป คอยรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองไมให้ไปตกอยู่ในมือของผู้ฝ่ายรัฐบาล แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งการที่พธมออกมาประท้วงแบบนี้มันก็ทำสถานการณ์บ้านเมืองเป็นที่ถูกจับตามองของหลายประเทศ แล้วยังกระทบไปถึงเศรษฐกิจด้วย
ข้าพระเจ้าคิดว่า พธมช่วยชาติด้วยและทำลายชาติ

น.ส.ชาลินี เกิดรอด
ID 5131601301

5131601188 กล่าวว่า...

การกระทำของพันธมิตรอาจจะทำให้ใครให้หลายๆคนสงสัยว่าเป็นการช่วยหรือทำลายชาติกันแน่ แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วพันธมิตรกำลังช่วยชาติอยู่ มีคนส่งe-mailมาให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านบทความนี้ดู

คำขอโทษจากผม...ถึงทุกคนที่รำคาญพันธมิตร
หากจดหมายขอโทษของผม จะมีประโยชน์แก่ใครก็ตาม ได้โปรดช่วยส่งต่อคำขอโทษของผมให้มีคนได้ยินให้ได้มากที่สุด อย่างน้อย เพื่อคุณได้แสดงจุดยืนว่า คุณก็เป็นคนหนึ่ง ที่ไม่เคยชอบการเอารัดเอาเปรียบ การโกงกินบ้านเมือง และยังเชื่อในเสรีภาพของประชาชน ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ชาวพันธมิตรเสื้อเหลือง ถึงแม้ว่าคุณจะเคยรำคาญรถติดที่เกิดจากพวกชาวพันธมิตร และไม่พอใจอะไรอีกต่างๆที่ แต่หากคุณยังเชื่อในความถูกต้อง...

ได้โปรดรับคำขอโทษของพวกผม... และช่วยให้ทุกคนได้รับทราบถึงคำขอโทษนี้ เพราะหากความยุติธรรมมันไม่เหลือบนแผ่นดินนี้ ผมอาจไม่มีชีวิตได้กลับมาบอกคุณอีก





เราขอโทษคุณทุกคนที่ทำให้รถติด ที่ทำให้การเดินทางของคุณไม่สะดวกสบาย แต่เราแค่อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่คุณอยากได้... เรายังอยากมีผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเราเหยียบ .... เรารอให้รัฐบาลนี้แปรรูปสมบัติชาติทุกชิ้นเป็นของตัวเองจนหมดชาติไม่ได้ เพราะเรายังอยากให้ลูกหลานของเราภูมิใจ ว่าแผ่นดินไทย ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใครแม้แต่ชินวัตรและพวกพ้อง

หากเหตุผลของเราเพียงพอ...เราอยากให้คุณยกโทษให้พวกเรา





เราต้องเขียนมาขอโทษ เพราะถ้าพวกาเราบางส่วนต้องตายไปกับการต่อสู้ครั้งนี้ เราอยากให้พวกคุณทุกคนรู้ว่าเรามีเจตนาบริสุทธิ์ และเราแค่กำลังเรียกร้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณเองก็อยากได้เพื่อแผ่นดินที่พวกเราเกิด โต และจะตายที่นี่... พวกเราไม่มีอาวุธเหมือนดังที่ข่าวป้ายสี พวกเราไม่เคยทำลายสมบัติราชการ ไม่เคยทำลาย NBT อย่างที่โดยป้ายสีเพราะพวกเรารู้ว่านั่นก็เป็นเงินภาษีของเราเช่นกัน พวกเรารักและหวงแหนสมบัติชาติทุกชิ้น เพราะนั่นคือหยาดเหงื่อและแรงกายของพวกเราที่พวกเราทำมาตลอดเพื่อให้รุ่นลูกหลานเราได้ภูมิใจ





เราขอโทษที่ทำให้รถติด เพราะพวกเราอยากให้คุณมองเห็นว่าเรากำลังทำงานและต่อสู้แทนคุณอยู่





เราขอโทษที่ตะโกนโหวกเหวกโวยวายใช้คำรุนแรง แต่นั่นเพราะพวกเรากำลังเสียใจ ที่ลูกและหลานเรากำลังจะไม่มีชาติให้อยู่ และเสียใจมากกว่าที่แม้แต่คนที่บอกว่าเกลียดทักษิณด้วยกันก็ปิดหูปิดตาไม่ยอมรับรู้ และยื่นมือมาช่วยแต่อย่างใด.... จนกลายเป็นไม่ชอบรัฐบาลแต่รำคาญพันธมิตร







และอีเมลนี้เป็นการขอโทษอีกครั้งหากให้คุณช่วยเสียเวลาอ่านข้อความเหล่านี้... เพราะถ้าเราแพ้ เราอาจจะตาย และเราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาบอกพวกคุณว่าเราไม่มีอาวุธแต่เรามีแค่หัวใจ หัวใจของเราทุกๆดวงที่ไม่อยากแพ้ต่อความเห็นแก่ตัวและความเอารัดเอาเปรียบของคนกลุ่มหนึ่ง หัวใจของพวกเราที่พากายเราทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่ ถ้าคุณไม่เอาระบบทักษิณ เราจึงอยากให้คุณรู้ว่าเรากำลังสู้เพื่อคุณอยู่... และเจตนาของพวกเราบริสุทธิ์ ตรงไปตรงมาและมีเท่านั้นจริงๆ





วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันในประวัติศาสตร์ วันที่ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าคอรัปชั่นอันดับท็อปๆของโลกอย่างประเทศไทย มีพลังบริสุทธิ์ที่เงินซื้อไม่ได้ และพลังบริสุทธิ์นี้กำลังต่อสู้เพื่อส่วนร่วม เพื่อความเป็นชาติที่ทุกคนหวงแหน พวกเราจะสู้ให้ถึงที่สุดด้วยหัวใจของพวกเราให้แรงกายหมดจนสิ้น และหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อ่านมาได้จนถึงตรงนี้ เราแค่อยากขอบคุณหัวใจบริสุทธิ์ของพวกคุณอีกหนึ่งดวงที่ทำให้พวกเรารู้ว่ายังมีคนที่เชื่อมั่นในความถูกต้องอยู่ มีคนที่รักและหวงแหนในบ้านเกิดแผ่นดินของเรา ถึงแม้คุณจะไม่เคยร่วมเดินกับเรา แต่เพียงแค่คุณไม่ได้เห็นชอบกับการกระทำใดๆภายใต้ของระบบทักษิณ คุณแยกแยะถึงผิดชอบชั่วดีได้ เราก็ยินดีเหลือเกินที่เราได้ร่วมเกิดบนผืนแผ่นดินเดียวกัน





ขอขอบคุณในศักศรีดิ์และความยิ่งใหญ่จากหัวใจของคุณ


ปล หากคุณยังเชื่อในความถูกต้อง...

ได้โปรดรับคำขอโทษของพวกผม... และช่วยให้ทุกคนได้รับทราบถึงคำขอโทษนี้ เพราะหากความยุติธรรมมันไม่เหลือบนแผ่นดินนี้ ผมอาจไม่มีชีวิตได้กลับมาบอกคุณอีก


จากบทความข้างต้นแล้วคงจะมีคนเข้าใจจุดประสงค์ของพันธมิตรได้มากขึ้นนะคะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ สำหรับบทความดีๆ